วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554

การทำน้ำแข็งแห้ง

เทคนิคการ ทำสีผม ไฮไลท์

เทคนิคการ ทำสีผม ไฮไลท์ระดับมือโปร

เทคนิคการ ทำสีผม ไฮไลน์ สีผม
                            
ขั้นตอนการทำไฮไลน์
แบบง่ายเพื่อเพิ่มเสน่ห์

 สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการทำสีผมตามแนวของแฟชั่น หรือแอบเพิ่มเสน่ห์ให้กับทรงผมด้วยการทำไฮไลท์ช่อบางๆ แบบคลาสิคต้องพิจารณาดังต่อไปนี้ ประการแรกความกลมกลืนกับสีผมที่เป็นสีพื้นหลัก  ประการที่สองตำแหน่งของการวางไฮไลท์ รวมถึงการออกแบบสีผมให้เข้ากับบุคลิก
 ส่วนวิธีการทำสีผมและไฮไลท์สีพิเศษที่ทางเทคนิคเชี่ยนจะแนะนำในทรงนี้ คือ ไฮไลท์สีพิเศษบอนด์ประกายเขียว โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้

         
ขั้นตอนที่ 1
 แบ่งไฮไลท์เป็นช่อโดยใช้หางหวี วางบนกระดาษฟอร์ยสีเหลือง ซึ่งเราใช้กระดาษสีเหลืองเพื่อสร้างแนวการวางไฮไลท์ในเกิดลักษณะซิกแซก (ไฮไลท์ซิกแซก) ผลที่ได้คือไฮไลท์ที่กระจายจะทำให้ดูทรงผมนุ่มนวลขึ้น
 จากนั้นจะวางตำแหน่งไฮไลท์กลีบธรรมดาโดยใช้ฟอร์ยสีเขียว เป็นสัญญาลักษณ์การวาง โดยให้ค่าไฮโดรเจนอยู่ที่ 9 %  ผลที่ได้คือ ผมจะดูมีจำนวนหนาขึ้นจากการทำไฮไลท์ผมวิธีนี้
          
ขั้นตอนที่ 2
 ทำสลับกันไปเรื่อยๆ กระดาษสีเหลืองวางผมซิกแซก กระดาษสีเขียววางกลีบสลับกันจนทั่วทั้งศีรษะ
 -กระดาษฟอร์ยสีเหลืองแทนการทำไฮไลท์แบบซิกแซก โดยใช้หางหวีเขี่ยเส้นผมออกมาเป็นเส้นเว้นเส้น
 -กระดาษฟอร์ยสีเขียว ทำไฮไลท์ที่เป็นช่อๆ
ขั้นตอนที่ 3
 หลังจากได้ไฮไลท์ตามความต้องการแล้ว

         
ขั้นตอนที่ 4
 แบ่งผมออกเป็น 4 ส่วนอีกเช่นกันเพื่อลงสีเคลือบผม ซึ่งจะเป็นสีที่สามารถเพิ่มประกายสดใสให้กับเส้นผม โดยจะเลือกใช้สี M 25 ในปริมาณ 1 หลอดผสมกับ M 24 บีมออกมาประมาณ 1 นิ้วผสมเข้ากับไฮโดรเจน 9% และน้ำ 1 ขวดไฮโดรเจน คนทุกอย่างให้เข้ากัน ลงในขณะที่ผมหมาดๆได้เลย
ขั้นตอนที่ 5
 ขั้นตอนนี้จะลงสีตั้งแต่โคนผมถึงปลายผมได้เลย โดยลงเป็นช่อหนา
ขั้นตอนที่ 6
แล้วใช้หวีซี่ใหญ่หวีให้ทั่วทั้งศีรษะ
ขั้นตอนที่ 7
คลุมด้วยพลาสติกจนทั่วทั้งศีรษะทิ้งไว้ 30 นาที
ขั้นตอนที่ 8
 ล้างออกให้สะอาดจากนั้นนำโลแลน แฮร์ ลิฟออน เซรั่ม ใส่ก่อนไดร์เพื่อรักษาสีผม ถนอมเส้นผมให้สีสดใสและอยู่ทนนาน พร้อมทั้งบำรุงสุขภาพเส้นผมให้แข็งแรงอีกด้วย

                                                

วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554

ประวัติของLady Gaga

โจแอนน์ สเตฟานี เจอร์มาน็อตตา
( Joanne Stefani Germanotta)
หรือเป็นที่รู้จักกันดีในนาม Lady GaGa

เกิดเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ค.ศ. 1986

เป็นนักร้อง นักแต่งเพลง และนักดนตรี ชาวอเมริกัน เธอเป็นที่รู้จักในผลงานแนวอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเธอได้รับอิทธิพลจากร็อกเกอร์ อย่างเช่น เดวิด โบวี ,ควีน เช่นเดียวกับนักร้องแนวป็อปแด๊นส์ในยุค 1980 อย่าง มาดอนน่า และจอร์จ ไมเคิล เธอเติบโตในย่านแมนฮัตตัน ที่เธอเรียนที่โรงเรียน Convent of the Sacred Heart และต่อมาเรียนต่อที่ โรงเรียนศิลปะทิสช์แห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก เมื่ออายุ 20 ปี เธอเริ่มทำงานในฐานะนักแต่งเพลงให้กับอินเตอร์สโคปเรคอร์ดส เขียนเพลงให้กับศิลปินอย่าง เดอะพุสซีแคตดอลส์
ในปี ค.ศ. 2008 เลดี้ กาก้า ออกผลงานชุดแรกในชื่อ The Fame ที่มีซิงเกิลฮิตอย่าง "Just Dance" และ "Poker Face" ซึ่งทั้งสองซิงเกิลสามารถขึ้นไปถึงอันดับหนึ่งในชาร์ตบิลบอร์ด ทำสถิติเป็นศิลปินคนแรกในรอบเกือบ 10 ปีที่ซิงเกิล 2 ซิงเกิลแรกขึ้นไปถึงอันดับหนึ่งในชาร์ต นอกจากนี้ "Just Dance" ยังถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมีสาขาเพลงแดนซ์ยอดเยี่ยมอีกด้วย

เลดี้ กาก้าเกิดที่ยองเกอร์ส รัฐนิวยอร์ก บิดาและมารดาเป็นนักลงทุนทางอินเทอร์เน็ตเชื้อสายอิตาเลียน ในวัยเด็ก กาก้าเข้าเรียนที่โรงเรียนคอนแวนต์แซเครดฮาร์ตในแมนฮัตตัน และเรียนต่อด้านดนตรีที่โรงเรียนศิลปะทิสช์แห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก แต่ลาออกก่อนจะสำเร็จการศึกษาหลังจากยุติการเรียน กาก้าย้ายออกจากบ้าน และใช้เวลาส่วนใหญ่เตร็ดเตร่อยู่ในแมนฮัตตัน ก่อนจะได้เซ็นสัญญาในที่สุด
กาก้าเซ็นสัญญาครั้งแรกกับค่ายเดฟ แจม เมื่อมีอายุได้ 19 ปี แต่ถูกยกเลิกสัญญาในอีก 3 เดือนให้หลัง ก่อนจะเซ็นสัญญาอีกครั้งในปีเดือนมกราคม ค.ศ. 2008 กับอินเตอร์สโคปเร็คคอร์ด ต้นสังกัดปัจจุบัน ในช่วงแรกนั้น กาก้าทำงานในฐานะนักแต่งเพลงเสียเป็นส่วนใหญ่ ก่อนที่เอค่อนจะมองเห็นถึงศักยภาพในด้านการร้องเพลงของกาก้า และคิดว่า เธอมีความสามารถเพียงพอที่จะออกผลงานเป็นของตนเองได้ กาก้าได้เริ่มทำอัลบั้มแรก The Fame ร่วมกับโปรดิวเซอร์ เรดวัน และได้ออกวางจำหน่ายอัลบั้มในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2008 โดยเปิดตัวที่อันดับ 17 ในชาร์ตบิลบอร์ดและขึ้นสูงสุดที่อันดับ 4

กาก้ายังเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น เมื่อ คริสติน่า อากีเลร่า ขึ้นแสดงเพลง "Keep Gettin' Better" ในงานประกาศผลรางวัลเอ็มทีวี วีดีโอ มิวสิก อวอร์ดส ในภาพลักษณ์คล้ายๆกัน จนมีสื่อมวลชนวิจารณ์ว่า คริสติน่านั้นเลียนแบบภาพลักษณ์ของกาก้า ซึ่งกาก้าก็ได้ให้ความเห็นว่า เธอไม่คิดว่า คริสติน่านั้นจะเลียนแบบเธอ แต่ก็ยอมรับว่าจากเหตุดังกล่าวมีส่วนทำไห้เธอเป็นที่สนใจมากยิ่งขึ้น และเธอเองก็รู้สึกขอบคุณ ส่วนคริสติน่าเองก็ได้ออกมาปฏิเสธ และกล่าวเพิ่มเติมว่า ตัวเธอไม่รู้จักเลดี้ กาก้าด้วยซ้ำ

ชื่อ "กาก้า" นั้นได้แรงบันดาลใจมาเพลง "Radio Ga-Ga" ของ ควีน ซึ่งร็อบ ฟูซารี หนึ่งในทีมโปรดิวเซอร์ เป็นคนตั้งให้
 ผลงานของ เลดี้ กาก้า

สตูดิโออัลบั้ม
 ทัวร์คอนเสิร์ต
  • 2008: The Fame Ball Tour
  • 2009: The Monster Ball Tour

Fruity Fruit Cake เค้กผลไม้

Fruity Fruit Cake

เค้กผลไม้..จ้า

ใช้ถาด Bundt ขนาด 10 ถ้วย
ส่วนผสม:

1. ผลไม้และผิวส้ม ผิวมะนาวผสมเชื่อมแห้ง 4 ถ้วย- (ประมาณ 453 กรัม)
2. ลุกเกด 2 1/4 ถ้วย
3. แอ๊ปเปิ้ลเขียวสด 1 ลูกปอกเปลือก แกะเมล็ด ขุดหรือสับเป็นชิ้นหรือเส้นเล็ก ๆ
4. อินทผาลัมแห้งหั่นชิ้นเล็ก 1/2 ถ้วย
5. น้ำส้มคั้น 1/4 ถ้วย
6. 2 teaspoons grated orange peel
7. เหล้ารั้ม 1/3 ถ้วยกับอีก 2 1/2 ชค.
8. แป้งเค้ก 1 3/4 ถ้วย ร่อน
9. ถั่วอัลม่อนด์บดละเอียด1/2 ถ้วย
10. ผงซินนาม่อน 3/4 ชช.
11. ผงนัทเม็ก1/2 ชช.
12. เกลือ 1/4 ชช.
13. น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
14. เนยจืด 1/4 ถ้วย - อุณหภูมิห้อง
15. ไข่ 3 ฟอง อุณหภูมิห้อง
16. Corn Syrup สีใส 1/2 ถ้วย

วิธีทำ :
1. เปิดเตาอบ 325 F ทาเนยที่ถาด Bundt ขนาด 10 cups ให้ทั่ว ๆ แล้วโรยแป้งรอบ ๆ ที่ทาเนย อาจทาเนยแล้วนำถาดไปแช่ช่องฟรีซสัก 2-3 นาทีให้เนยเกาะติดถาดดี ๆ แล้วนำออกมาทำเนยซ้ำอีกรอบก่อนเทแป้งผสมลงไป
2. ผสมส่วนผสม 1-6 เข้าด้วยกันในชามผสมใหญ่และใส่เหล้ารัม 1/3 ถ้วย ทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้อง พอเนื้อน้ำเข้าซึมเป็นเนื้อเดียวกัน ใช้เวลาประมาณ 30 นาที คนเป็นระยะ ๆ
3. ขณะเดียวกันผสมแป้ง ถั่วอัลม่อนด์บดละเอียด ซินนาม่อน นัทเม็ก เกลือ เข้าด้วยกันในชามเล็กแล้วพักไว้
4. ในชามผสมของ Electric Mixture ตีเนยกับน้ำตาลเข้าด้วยกัน แล้วใส่ผลไม้ลงไปตี...และตามด้วยส่วนผสมแห้ง ตีให้เข้ากันดี
5. เทส่วนผสมของแป้งทั้งหมดลงในถาดที่เตรียมไว้ เขย่า ๆ ถาดให้แป้งผสมมีฟองอากาศน้อยที่สุด และตามสุตรบอกว่าอบใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที สังเกตุดูว่าขอบด้านในตรงกลางแห้งดีแล้ว นำจากเตาวางทิ้งไว้ให้พออุ่นประมาณ 10 นาที แล้วเคาะออกจากถาด ทิ้งไว้ให้เย็น......จากนั้นก็นำ Light Corn Syrup ผสมกับเหล้ารัมตั้งบนเตาพอร้อน แล้วใช้แปรงทารอบนอกและในของเค้กสองรอบ และห่อด้วยกระดาษฟอยล์อย่างหนาทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง 1 วันแล้วค่อยนำใส่ตู้เย็น

***หมายเหตุ : ต้นโอ๊คใช้กระดาษฟอยล์ห่อรอบ ๆ ถาดเค้กสองสามรอบ และใช้เวลาอบมากขึ้นคือประมาณ 1 ชม. 45 นาที

เค้กมะพร้าวอ่อน

เค้กมะพร้าวอ่อน


 
  • ส่วนผสม 1 แป้งเค้ก 45 กรัม
    ผงฟู 1/4 ช้อนชา
    น้ำตาลทรายป่น 27 กรัม
    เกลือ 1/8 ช้อนชา
  • ส่วนผสม 2 ไข่แดงเบอร์สอง 2 ฟอง
    กะทิ 16.5 กรัม
    น้ำมันพืช 16.5 กรัม
    น้ำมะพร้าว 12 กรัม
  • ส่วนผสม 3 ไข่ขาวเบอร์สอง 2 ฟอง
    ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/8 ช้อนชา
    น้ำตาลทรายป่น 27 กรัม

วิธีทำ
  • ร่อนแป้งเค้ก ผงฟู เกลือ น้ำตาลป่นเข้าด้วยกัน พักไว้
  • ในชามอีกใบผสมไข่แดง น้ำมันพืช กะทิ น้ำมะพร้าว ตีให้พอเข้ากัน เทส่วนผสมที่ 2 ลงในส่วนผสมที่ 1 คนให้ส่วนผสมเข้ากันดี พักไว้
  • ใน ชามที่สะอาดตีไข่ขาวกะครีมออฟทาร์ทาร์ให้เป็นฟอง จากนั้นค่อยๆทะยอยใส่น้ำตาลป่นลงไป ตีไข่ขาวให้ขึ้นฟูตั้งยอดอ่อน แบ่งส่วนผสมไข่ขาวออกเป็น 3 ส่วน นำไข่ขาวลงไปตะล่อมกะส่วนผสม 1+2 อย่างเบามือทีละส่วน ทำแบบนี้จนหมดไข่ขาว
  • เท ส่วนผสมที่ได้ลงในพิมพ์ขนาด 1 ปอนด์ กระแทกพิมพ์ 1 ครั้ง นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 C อบด้วยไฟล่าง นาน 15-20 นาที พอสุกแล้วนำออกจากเตา กระแทกพิมพ์แรงๆ 1 ครั้งๆ นำเค้กออกจากพิมพ์ พักไว้ให้เย็น
ส่วนผสมไส้ครีมมะพร้าวอ่อน
นม ข้นจืด 62.5 กรัม กะทิ 62.5 กรัม น้ำมะพร้าวอ่อน 75 กรัม น้ำตาล 25 กรัม แป้งกวนไส้ 15 กรัม เกลือ 1/8 ช้อนชา เนยสด 15 กรัม เนื้อมะพร้าวอ่อน 1 ลูก
นำ นมข้นจืด กะทิ น้ำมะพร้าวอ่อน น้ำตาล แป้งกวนไส้ เกลือ ใส่ชาม คนให้เข้ากัน นำขึ้นตั้งไฟแบบ double-boiling คนส่วนผสมไปในทางเดียวกันตลอดเวลา จนกระทั่งแป้งสุก ส่วนผสมข้น ยกลงจากเตา ใส่เนยกับเนื้อมะพร้าวอ่อนลงไปคนให้เข้ากัน พักไว้ให้ส่วนผสมเย็นแล้วจึงนำไปทาบนเนื้อเค้ก

เค้กกล้วยหอม

เค้กกล้วยหอม

ส่วนผสมเค้ก
  • แป้งสาลีสำหรับทำเค้ก 3 ถ้วย
  • เนยสดชนิดเค็ม 1 1/2 ถ้วย
  • เนยขาว 1/2 ถ้วย
  • ไข่ไก่ฟองใหญ่ 4 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 1 1/4 ถ้วย
  • ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ
  • เบกกิ้งโซดา 1/4 ช้อนชา
  • กล้วยหอมบดละเอียด 1 ถ้วย
  • กลิ่นวานิลลา 2 ช้อนชา
  • นมสด 1/2 ถ้วย
  • เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
  • ชีสแผ่นหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก 1/4 ถ้วย
วิธีทำ
  1. เตรียมแป้งไว้โดยผสมแป้ง ผงฟู เบกกิ้งโซดาเข้าด้วยกัน ร่อนด้วยตะแกรงร่อนแป้ง 1 ครั้ง
  2. ผสมกล้วยหอมบด นมสด วานิลลาเข้าด้วยกัน พักไว้
  3. ตีเนยสด เนยขาว และเกลือเข้าด้วยกัน ด้วยเครื่องตีไข่ไฟฟ้า พอขึ้นฟู ใส่น้ำตาล ตีต่อจนขึ้นฟู เป็นครีมขาว ต่อยไข่ใส่ทีละฟอง ตีให้เข้ากันจนหมดไข่
  4. ใส่ส่วนผสมแป้ง สลับกับส่วนผสมกล้วยหอม ตีเบาๆ ให้เข้ากันใส่ชีส คนให้ทั่ว
  5. เทส่วนผสมใส่พิมพ์สี่เหลี่ยมขนาด 6×6x2 นิ้ว ที่ทาเนยและรองด้วยกระดาษไข ประมาณ 3/4 ของพิมพ์ เคาะพิมพ์เบาๆ
  6. นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 300 F ประมาณ 20 นาทีหรือจนสุก เอาออกจากเตาอบ ทิ้งไว้สักครู่ คว่ำออกจากพิมพ์ดึงกระดาษออก หั่นเป็นชิ้น
หน้าตาก็จาออกมาเป็นอย่างนี้คร๊าบ ....
เด๋วขอแว๊ปไปทานก่อนนะคะ ใครที่อยากกินฝีมือตัวเองก็ลองไปทำกันดูนะคะ วิธีทำก็ไม่ยากอย่างที่คิดเลยค่ะ สู้ๆนะคะ