วันอังคารที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2554

การทำน้ำแข็งแห้ง

เทคนิคการ ทำสีผม ไฮไลท์

เทคนิคการ ทำสีผม ไฮไลท์ระดับมือโปร

เทคนิคการ ทำสีผม ไฮไลน์ สีผม
                            
ขั้นตอนการทำไฮไลน์
แบบง่ายเพื่อเพิ่มเสน่ห์

 สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการทำสีผมตามแนวของแฟชั่น หรือแอบเพิ่มเสน่ห์ให้กับทรงผมด้วยการทำไฮไลท์ช่อบางๆ แบบคลาสิคต้องพิจารณาดังต่อไปนี้ ประการแรกความกลมกลืนกับสีผมที่เป็นสีพื้นหลัก  ประการที่สองตำแหน่งของการวางไฮไลท์ รวมถึงการออกแบบสีผมให้เข้ากับบุคลิก
 ส่วนวิธีการทำสีผมและไฮไลท์สีพิเศษที่ทางเทคนิคเชี่ยนจะแนะนำในทรงนี้ คือ ไฮไลท์สีพิเศษบอนด์ประกายเขียว โดยมีขั้นตอนดังต่อไปนี้

         
ขั้นตอนที่ 1
 แบ่งไฮไลท์เป็นช่อโดยใช้หางหวี วางบนกระดาษฟอร์ยสีเหลือง ซึ่งเราใช้กระดาษสีเหลืองเพื่อสร้างแนวการวางไฮไลท์ในเกิดลักษณะซิกแซก (ไฮไลท์ซิกแซก) ผลที่ได้คือไฮไลท์ที่กระจายจะทำให้ดูทรงผมนุ่มนวลขึ้น
 จากนั้นจะวางตำแหน่งไฮไลท์กลีบธรรมดาโดยใช้ฟอร์ยสีเขียว เป็นสัญญาลักษณ์การวาง โดยให้ค่าไฮโดรเจนอยู่ที่ 9 %  ผลที่ได้คือ ผมจะดูมีจำนวนหนาขึ้นจากการทำไฮไลท์ผมวิธีนี้
          
ขั้นตอนที่ 2
 ทำสลับกันไปเรื่อยๆ กระดาษสีเหลืองวางผมซิกแซก กระดาษสีเขียววางกลีบสลับกันจนทั่วทั้งศีรษะ
 -กระดาษฟอร์ยสีเหลืองแทนการทำไฮไลท์แบบซิกแซก โดยใช้หางหวีเขี่ยเส้นผมออกมาเป็นเส้นเว้นเส้น
 -กระดาษฟอร์ยสีเขียว ทำไฮไลท์ที่เป็นช่อๆ
ขั้นตอนที่ 3
 หลังจากได้ไฮไลท์ตามความต้องการแล้ว

         
ขั้นตอนที่ 4
 แบ่งผมออกเป็น 4 ส่วนอีกเช่นกันเพื่อลงสีเคลือบผม ซึ่งจะเป็นสีที่สามารถเพิ่มประกายสดใสให้กับเส้นผม โดยจะเลือกใช้สี M 25 ในปริมาณ 1 หลอดผสมกับ M 24 บีมออกมาประมาณ 1 นิ้วผสมเข้ากับไฮโดรเจน 9% และน้ำ 1 ขวดไฮโดรเจน คนทุกอย่างให้เข้ากัน ลงในขณะที่ผมหมาดๆได้เลย
ขั้นตอนที่ 5
 ขั้นตอนนี้จะลงสีตั้งแต่โคนผมถึงปลายผมได้เลย โดยลงเป็นช่อหนา
ขั้นตอนที่ 6
แล้วใช้หวีซี่ใหญ่หวีให้ทั่วทั้งศีรษะ
ขั้นตอนที่ 7
คลุมด้วยพลาสติกจนทั่วทั้งศีรษะทิ้งไว้ 30 นาที
ขั้นตอนที่ 8
 ล้างออกให้สะอาดจากนั้นนำโลแลน แฮร์ ลิฟออน เซรั่ม ใส่ก่อนไดร์เพื่อรักษาสีผม ถนอมเส้นผมให้สีสดใสและอยู่ทนนาน พร้อมทั้งบำรุงสุขภาพเส้นผมให้แข็งแรงอีกด้วย

                                                

วันอาทิตย์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2554

ประวัติของLady Gaga

โจแอนน์ สเตฟานี เจอร์มาน็อตตา
( Joanne Stefani Germanotta)
หรือเป็นที่รู้จักกันดีในนาม Lady GaGa

เกิดเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ค.ศ. 1986

เป็นนักร้อง นักแต่งเพลง และนักดนตรี ชาวอเมริกัน เธอเป็นที่รู้จักในผลงานแนวอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเธอได้รับอิทธิพลจากร็อกเกอร์ อย่างเช่น เดวิด โบวี ,ควีน เช่นเดียวกับนักร้องแนวป็อปแด๊นส์ในยุค 1980 อย่าง มาดอนน่า และจอร์จ ไมเคิล เธอเติบโตในย่านแมนฮัตตัน ที่เธอเรียนที่โรงเรียน Convent of the Sacred Heart และต่อมาเรียนต่อที่ โรงเรียนศิลปะทิสช์แห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก เมื่ออายุ 20 ปี เธอเริ่มทำงานในฐานะนักแต่งเพลงให้กับอินเตอร์สโคปเรคอร์ดส เขียนเพลงให้กับศิลปินอย่าง เดอะพุสซีแคตดอลส์
ในปี ค.ศ. 2008 เลดี้ กาก้า ออกผลงานชุดแรกในชื่อ The Fame ที่มีซิงเกิลฮิตอย่าง "Just Dance" และ "Poker Face" ซึ่งทั้งสองซิงเกิลสามารถขึ้นไปถึงอันดับหนึ่งในชาร์ตบิลบอร์ด ทำสถิติเป็นศิลปินคนแรกในรอบเกือบ 10 ปีที่ซิงเกิล 2 ซิงเกิลแรกขึ้นไปถึงอันดับหนึ่งในชาร์ต นอกจากนี้ "Just Dance" ยังถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลแกรมมีสาขาเพลงแดนซ์ยอดเยี่ยมอีกด้วย

เลดี้ กาก้าเกิดที่ยองเกอร์ส รัฐนิวยอร์ก บิดาและมารดาเป็นนักลงทุนทางอินเทอร์เน็ตเชื้อสายอิตาเลียน ในวัยเด็ก กาก้าเข้าเรียนที่โรงเรียนคอนแวนต์แซเครดฮาร์ตในแมนฮัตตัน และเรียนต่อด้านดนตรีที่โรงเรียนศิลปะทิสช์แห่งมหาวิทยาลัยนิวยอร์ก แต่ลาออกก่อนจะสำเร็จการศึกษาหลังจากยุติการเรียน กาก้าย้ายออกจากบ้าน และใช้เวลาส่วนใหญ่เตร็ดเตร่อยู่ในแมนฮัตตัน ก่อนจะได้เซ็นสัญญาในที่สุด
กาก้าเซ็นสัญญาครั้งแรกกับค่ายเดฟ แจม เมื่อมีอายุได้ 19 ปี แต่ถูกยกเลิกสัญญาในอีก 3 เดือนให้หลัง ก่อนจะเซ็นสัญญาอีกครั้งในปีเดือนมกราคม ค.ศ. 2008 กับอินเตอร์สโคปเร็คคอร์ด ต้นสังกัดปัจจุบัน ในช่วงแรกนั้น กาก้าทำงานในฐานะนักแต่งเพลงเสียเป็นส่วนใหญ่ ก่อนที่เอค่อนจะมองเห็นถึงศักยภาพในด้านการร้องเพลงของกาก้า และคิดว่า เธอมีความสามารถเพียงพอที่จะออกผลงานเป็นของตนเองได้ กาก้าได้เริ่มทำอัลบั้มแรก The Fame ร่วมกับโปรดิวเซอร์ เรดวัน และได้ออกวางจำหน่ายอัลบั้มในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2008 โดยเปิดตัวที่อันดับ 17 ในชาร์ตบิลบอร์ดและขึ้นสูงสุดที่อันดับ 4

กาก้ายังเริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น เมื่อ คริสติน่า อากีเลร่า ขึ้นแสดงเพลง "Keep Gettin' Better" ในงานประกาศผลรางวัลเอ็มทีวี วีดีโอ มิวสิก อวอร์ดส ในภาพลักษณ์คล้ายๆกัน จนมีสื่อมวลชนวิจารณ์ว่า คริสติน่านั้นเลียนแบบภาพลักษณ์ของกาก้า ซึ่งกาก้าก็ได้ให้ความเห็นว่า เธอไม่คิดว่า คริสติน่านั้นจะเลียนแบบเธอ แต่ก็ยอมรับว่าจากเหตุดังกล่าวมีส่วนทำไห้เธอเป็นที่สนใจมากยิ่งขึ้น และเธอเองก็รู้สึกขอบคุณ ส่วนคริสติน่าเองก็ได้ออกมาปฏิเสธ และกล่าวเพิ่มเติมว่า ตัวเธอไม่รู้จักเลดี้ กาก้าด้วยซ้ำ

ชื่อ "กาก้า" นั้นได้แรงบันดาลใจมาเพลง "Radio Ga-Ga" ของ ควีน ซึ่งร็อบ ฟูซารี หนึ่งในทีมโปรดิวเซอร์ เป็นคนตั้งให้
 ผลงานของ เลดี้ กาก้า

สตูดิโออัลบั้ม
 ทัวร์คอนเสิร์ต
  • 2008: The Fame Ball Tour
  • 2009: The Monster Ball Tour

Fruity Fruit Cake เค้กผลไม้

Fruity Fruit Cake

เค้กผลไม้..จ้า

ใช้ถาด Bundt ขนาด 10 ถ้วย
ส่วนผสม:

1. ผลไม้และผิวส้ม ผิวมะนาวผสมเชื่อมแห้ง 4 ถ้วย- (ประมาณ 453 กรัม)
2. ลุกเกด 2 1/4 ถ้วย
3. แอ๊ปเปิ้ลเขียวสด 1 ลูกปอกเปลือก แกะเมล็ด ขุดหรือสับเป็นชิ้นหรือเส้นเล็ก ๆ
4. อินทผาลัมแห้งหั่นชิ้นเล็ก 1/2 ถ้วย
5. น้ำส้มคั้น 1/4 ถ้วย
6. 2 teaspoons grated orange peel
7. เหล้ารั้ม 1/3 ถ้วยกับอีก 2 1/2 ชค.
8. แป้งเค้ก 1 3/4 ถ้วย ร่อน
9. ถั่วอัลม่อนด์บดละเอียด1/2 ถ้วย
10. ผงซินนาม่อน 3/4 ชช.
11. ผงนัทเม็ก1/2 ชช.
12. เกลือ 1/4 ชช.
13. น้ำตาลทราย 1/2 ถ้วย
14. เนยจืด 1/4 ถ้วย - อุณหภูมิห้อง
15. ไข่ 3 ฟอง อุณหภูมิห้อง
16. Corn Syrup สีใส 1/2 ถ้วย

วิธีทำ :
1. เปิดเตาอบ 325 F ทาเนยที่ถาด Bundt ขนาด 10 cups ให้ทั่ว ๆ แล้วโรยแป้งรอบ ๆ ที่ทาเนย อาจทาเนยแล้วนำถาดไปแช่ช่องฟรีซสัก 2-3 นาทีให้เนยเกาะติดถาดดี ๆ แล้วนำออกมาทำเนยซ้ำอีกรอบก่อนเทแป้งผสมลงไป
2. ผสมส่วนผสม 1-6 เข้าด้วยกันในชามผสมใหญ่และใส่เหล้ารัม 1/3 ถ้วย ทิ้งไว้ในอุณหภูมิห้อง พอเนื้อน้ำเข้าซึมเป็นเนื้อเดียวกัน ใช้เวลาประมาณ 30 นาที คนเป็นระยะ ๆ
3. ขณะเดียวกันผสมแป้ง ถั่วอัลม่อนด์บดละเอียด ซินนาม่อน นัทเม็ก เกลือ เข้าด้วยกันในชามเล็กแล้วพักไว้
4. ในชามผสมของ Electric Mixture ตีเนยกับน้ำตาลเข้าด้วยกัน แล้วใส่ผลไม้ลงไปตี...และตามด้วยส่วนผสมแห้ง ตีให้เข้ากันดี
5. เทส่วนผสมของแป้งทั้งหมดลงในถาดที่เตรียมไว้ เขย่า ๆ ถาดให้แป้งผสมมีฟองอากาศน้อยที่สุด และตามสุตรบอกว่าอบใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที สังเกตุดูว่าขอบด้านในตรงกลางแห้งดีแล้ว นำจากเตาวางทิ้งไว้ให้พออุ่นประมาณ 10 นาที แล้วเคาะออกจากถาด ทิ้งไว้ให้เย็น......จากนั้นก็นำ Light Corn Syrup ผสมกับเหล้ารัมตั้งบนเตาพอร้อน แล้วใช้แปรงทารอบนอกและในของเค้กสองรอบ และห่อด้วยกระดาษฟอยล์อย่างหนาทิ้งไว้ที่อุณหภูมิห้อง 1 วันแล้วค่อยนำใส่ตู้เย็น

***หมายเหตุ : ต้นโอ๊คใช้กระดาษฟอยล์ห่อรอบ ๆ ถาดเค้กสองสามรอบ และใช้เวลาอบมากขึ้นคือประมาณ 1 ชม. 45 นาที

เค้กมะพร้าวอ่อน

เค้กมะพร้าวอ่อน


 
  • ส่วนผสม 1 แป้งเค้ก 45 กรัม
    ผงฟู 1/4 ช้อนชา
    น้ำตาลทรายป่น 27 กรัม
    เกลือ 1/8 ช้อนชา
  • ส่วนผสม 2 ไข่แดงเบอร์สอง 2 ฟอง
    กะทิ 16.5 กรัม
    น้ำมันพืช 16.5 กรัม
    น้ำมะพร้าว 12 กรัม
  • ส่วนผสม 3 ไข่ขาวเบอร์สอง 2 ฟอง
    ครีมออฟทาร์ทาร์ 1/8 ช้อนชา
    น้ำตาลทรายป่น 27 กรัม

วิธีทำ
  • ร่อนแป้งเค้ก ผงฟู เกลือ น้ำตาลป่นเข้าด้วยกัน พักไว้
  • ในชามอีกใบผสมไข่แดง น้ำมันพืช กะทิ น้ำมะพร้าว ตีให้พอเข้ากัน เทส่วนผสมที่ 2 ลงในส่วนผสมที่ 1 คนให้ส่วนผสมเข้ากันดี พักไว้
  • ใน ชามที่สะอาดตีไข่ขาวกะครีมออฟทาร์ทาร์ให้เป็นฟอง จากนั้นค่อยๆทะยอยใส่น้ำตาลป่นลงไป ตีไข่ขาวให้ขึ้นฟูตั้งยอดอ่อน แบ่งส่วนผสมไข่ขาวออกเป็น 3 ส่วน นำไข่ขาวลงไปตะล่อมกะส่วนผสม 1+2 อย่างเบามือทีละส่วน ทำแบบนี้จนหมดไข่ขาว
  • เท ส่วนผสมที่ได้ลงในพิมพ์ขนาด 1 ปอนด์ กระแทกพิมพ์ 1 ครั้ง นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 180 C อบด้วยไฟล่าง นาน 15-20 นาที พอสุกแล้วนำออกจากเตา กระแทกพิมพ์แรงๆ 1 ครั้งๆ นำเค้กออกจากพิมพ์ พักไว้ให้เย็น
ส่วนผสมไส้ครีมมะพร้าวอ่อน
นม ข้นจืด 62.5 กรัม กะทิ 62.5 กรัม น้ำมะพร้าวอ่อน 75 กรัม น้ำตาล 25 กรัม แป้งกวนไส้ 15 กรัม เกลือ 1/8 ช้อนชา เนยสด 15 กรัม เนื้อมะพร้าวอ่อน 1 ลูก
นำ นมข้นจืด กะทิ น้ำมะพร้าวอ่อน น้ำตาล แป้งกวนไส้ เกลือ ใส่ชาม คนให้เข้ากัน นำขึ้นตั้งไฟแบบ double-boiling คนส่วนผสมไปในทางเดียวกันตลอดเวลา จนกระทั่งแป้งสุก ส่วนผสมข้น ยกลงจากเตา ใส่เนยกับเนื้อมะพร้าวอ่อนลงไปคนให้เข้ากัน พักไว้ให้ส่วนผสมเย็นแล้วจึงนำไปทาบนเนื้อเค้ก

เค้กกล้วยหอม

เค้กกล้วยหอม

ส่วนผสมเค้ก
  • แป้งสาลีสำหรับทำเค้ก 3 ถ้วย
  • เนยสดชนิดเค็ม 1 1/2 ถ้วย
  • เนยขาว 1/2 ถ้วย
  • ไข่ไก่ฟองใหญ่ 4 ฟอง
  • น้ำตาลทราย 1 1/4 ถ้วย
  • ผงฟู 1 ช้อนโต๊ะ
  • เบกกิ้งโซดา 1/4 ช้อนชา
  • กล้วยหอมบดละเอียด 1 ถ้วย
  • กลิ่นวานิลลา 2 ช้อนชา
  • นมสด 1/2 ถ้วย
  • เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
  • ชีสแผ่นหั่นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก 1/4 ถ้วย
วิธีทำ
  1. เตรียมแป้งไว้โดยผสมแป้ง ผงฟู เบกกิ้งโซดาเข้าด้วยกัน ร่อนด้วยตะแกรงร่อนแป้ง 1 ครั้ง
  2. ผสมกล้วยหอมบด นมสด วานิลลาเข้าด้วยกัน พักไว้
  3. ตีเนยสด เนยขาว และเกลือเข้าด้วยกัน ด้วยเครื่องตีไข่ไฟฟ้า พอขึ้นฟู ใส่น้ำตาล ตีต่อจนขึ้นฟู เป็นครีมขาว ต่อยไข่ใส่ทีละฟอง ตีให้เข้ากันจนหมดไข่
  4. ใส่ส่วนผสมแป้ง สลับกับส่วนผสมกล้วยหอม ตีเบาๆ ให้เข้ากันใส่ชีส คนให้ทั่ว
  5. เทส่วนผสมใส่พิมพ์สี่เหลี่ยมขนาด 6×6x2 นิ้ว ที่ทาเนยและรองด้วยกระดาษไข ประมาณ 3/4 ของพิมพ์ เคาะพิมพ์เบาๆ
  6. นำเข้าเตาอบอุณหภูมิ 300 F ประมาณ 20 นาทีหรือจนสุก เอาออกจากเตาอบ ทิ้งไว้สักครู่ คว่ำออกจากพิมพ์ดึงกระดาษออก หั่นเป็นชิ้น
หน้าตาก็จาออกมาเป็นอย่างนี้คร๊าบ ....
เด๋วขอแว๊ปไปทานก่อนนะคะ ใครที่อยากกินฝีมือตัวเองก็ลองไปทำกันดูนะคะ วิธีทำก็ไม่ยากอย่างที่คิดเลยค่ะ สู้ๆนะคะ

สตอเบอร์รี่ชีสเค้ก

สตอเบอร์รี่ชีสเค้ก


ส่วนผสมครัสท์

1.เกรมแคร้กเกอร์ (graham cracker) 1 1/2 ถ้วย
2.น้ำตาลทรายแดง 2 ชต.
3.เกลือ 1/8 ชช.
4.เนยละลาย 5 ชต.

วิธีทำ
1. ผสมของแห้งทุกอย่างรวมกัน ละลายเนยให้เหลว แล้วเทลงในอ่างแกรมแคร้กเกอร์
ใช้ไม้พายคนส่วนผสมเข้าด้วยกัน คนไปเรื่อยๆจนกระทั่งส่วนผสมร่วนเป็นทรายไม่เกาะกันเป็นก้อนค่ะ
2.เอาเนยทาที่ก้นพิมพ์ไว้ก่อนนะคะ พอส่วนผสมเรียบร้อยก็เอามากรุก้นพิมพ์ใช้มือกดๆให้เรียบแน่นหน่อยนะคะ จากนั้นก็เอาพิมพ์นี้ไปใส่ตู้เย็นให้ส่วนผสมแข็งจับตัว กันค่ะ ซัก 10-12 นาที แล้วก็เอาไปอบใช้ไฟ 350 องศาฟาเรนไฮต์ อบเสร็จแล้วก็พักไว้ก่อนค่ะ แล้วเราก็ไปทำตัวชีสเค้กกันก่อนนะคะ

ส่วนผสมตัวชีสเค้ก
1.ครีมชีสขนาด 8 ออนซ์ 3ก้อน
2.น้ำตาล 1 1/4ถ้วย
3.วานิลา extract 1/4 ชช
4.ไข่ ทั้งฟอง 3 ฟอง
5.ไข่แดง 1 ฟอง
6.เฮฟวี่ครีม 1/3 ถ.
7.sour cream 1/3 ถ.
8.ผิวเลมอน หรือใช้แต่ เลมอนแอ๊คแทรคก็ได้ค่ะ 1/4 ชช

มาเริ่มทำตัวเค้กกันต่อค่ะ..
1.เอาครีมชีส ต้องวางไว้ให้หายเย็นก่อนนะคะ อุณภูมิห้องตามตำรา ใส่ชามอ่างแล้วตีให้เนียนอย่าตีนานมากเกินไป พอตีเนียนดีแล้ว เอาน้ำตาลใส่ลงไปตีใส่น้ำตาลทีละ 1/3ถ้วยนะคะ ตีไปจนน้ำตาลหมด ใช้พายยางปาดๆขอบอ่างด้วย
2.ต่อไปใส่ไข่ ใ่ส่ทีละฟองนะคะ ความเร็วของเครื่องที่ใช้ตีนี้ปานกลางค่อนข้างต่ำค่ะ
3.จากนั้นก็ใส่เฮฟวี่ครีม sour cream วานิลา เลมอนแอ๊คแทรค ตีให้เข้ากันค่ะ ตอนที่ตักส่วนผสมให้เข้ากันนี้ ทำๆหยุดๆด้วยนะคะ ใช้พายยางปาดตรงก้นขึ้นมาด้วย เผื่อมีครีมติดอยู่ก้นโถนะคะ ลืมบอกไปค่ะว่าถ้าหาsour cream ไม่ได้ให้ใช้โยเกิร์ตรสธรรมชาติแทนได้ค่ะ
4.เมื่อส่วนผสมเข้ากันดีแล้วก็เทใส่พิมพ์ขนาด 9 นิ้ว อย่าลืมทาขอบๆพิมพ์ด้วยเนยนะคะ เอาใส่เตาอบชั้้นกลางของเตาอบ อบนาน 55 นาทีถึง 1 ชม.พออบเสร็จอย่าเพิ่งด่วนเอาชีสเค้กออกจากเตาอบ แค่ปิดเตาอบ แล้วแง้มๆเตาอบเปิดไว้นานประมาณ 1 ชม.ก่อนที่จะเอาเค้กออกมาตั้งข้างนอกให้อยู่ในอุณหภูมิห้องอีกทีนะคะ หน้าเค้กจะได้ไม่แตกค่ะ พอพักไว้เย็นอุณหภูมิห้องแล้วก็เอาใส่ตู้เย็นไว้ ให้เค้กอยู่ตัวอีก อย่างน้อย 4 ชั่วโมงก่อนจะตัดเค้กมาทานค่ะ

ว๊าวๆๆๆ เพียงเท่านี้เราก็จามีเค้กน่ารักๆทานกันแล้วนะคะ ใครทำออกมาหน้าตาเป็นยังไง รสชาติถูกปากกันบ้างรึป่าว เอามาเล่าให้ฟังบ้างนะคะ ^^" ขอให้ทุกคนประสบความสำเร็จในการทำ สตอร์เบอร์รี่ชีสเค้ก นะคะ สู้ๆ

เค้กชอคโกแลตหน้านิ่ม


 


ส่วนผสมตัวเค้กส่วนที่ 1

- แป้งเค้ก 80 กรัม
- ผงฟู 1/4 ช้อนชา
- เบคกิ้งโซดา 1/2 ช้อนชา
- กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
- เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
- ผงโกโก้ 25 กรัม
- น้ำตาลทรายป่น 90 กรัม

ส่วนผสมตัวเค้กส่วนที่ 2

- น้ำ 50 กรัม
- นมข้นจืด 25 กรัม
- น้ำมะนาว 1 ช้อนชา
- น้ำมันพืช 65 กรัม
- ไข่แดง 2 ฟอง

ส่วนผสมตัวเค้กส่วนที่ 3

- ไข่ขาว 2 ฟอง
- น้ำตาลทราย 45 กรัม
- ครีมออฟทาทาร์ 1/4 ช้อนชา

วิธีทำตัวเค้ก
นำส่วนผสม 1 ได้แก่ แป้งเค้ก น้ำตาลทรายป่น ผงโกโก้ โซดา ผงฟู ร่อนร่วมกัน 2 ครั้งคะ ถ้าใช้วนิลลาแบบผงก็ร่อนรวมกันไปเลย แต่ใช้แบบน้ำใส่ทีหลังคะ เกลือป่นใส่หลังจากร่อนของแห้งอื่น ๆ แล้วนะคะ เพราะมันค่อนข้างเม็ดใหญ่ แล้วเอาช้อนให้เข้ากัน ทำหลุมตรงกลางไว้ค่ะ

แล้วนำของเหลว (2) ที่ผสมกันไว้เทใส่ชามผสมของแห้ง (1) ค่ะ แล้ว เอาตะกร้อมือคนแบบน้ำเซาะตลิ่งให้เข้ากัน หรือจะคนแบบแรง ๆ เร็ว ๆ ก็ได้คะ พอเข้ากันแล้วหยุดเลย ถ้าคนมากเนื้อเค้กที่ได้เหนียวคะ แล้วพักไว้ก่อนคะ

มาถึงส่วนผสมที่ 3 บ้างค่ะ ไข่ขาวและครีมออฟทาร์ทาร์ใส่ชามผสม ตีด้วยความเร็วสูงจนเป็นฟอง ใส่น้ำตาลทรายป่นลงไปแล้วตีต่อด้วยความเร็วสูงค่ะ ใส่ทีละช้อนนะ ประมาณ 3 ครั้งค่ะ จนตั้งยอดอ่อนก่อนที่จะแข็ง แล้วหยุดค่ะ

นำส่วนของไข่ขาวไปผสมกับส่วนของไข่แดงที่เราผสมกันไว้เมื่อกี้ แบ่งผสม 2 ครั้งนะ ใช้ตะกร้อมือส่วนผสมจะเข้ากันง่ายกว่าไม้พายนะคะ ถ้าตีไข่ขาวตั้งยอดมากไป ผสมกว่าจะเข้ากันใช้เวลานานนะคะ ไม่ดี เนื้อเค้กก็จะหยาบแห้งด้วย ก็ผสมกันจนหมดนะคะ พอผสมเข้ากันดีแล้วเทใส่พิมพ์ที่เตรียมไว้คะ เคาะก้นพิมพ์เบา ๆ ไล่ฟองอากาศออกไปค่ะ นำเข้าเตาอบได้เลยค่ะ


เค้กสุกนำออกมา กระแทกพิมพ์ให้โครงสร้างอยู่ตัว 1 ที รอเย็นนำออกจากพิมพ์ค่ะ คราวนี้มาทำหน้านิ่มกันค่ะ

ส่วนผสมหน้าเค้ก
ส่วนที่1
- ผงวุ้น 1 ช้อนชา
- น้ำ 300 กรัม
- นมข้นจืด 200 กรัม
- น้ำตาลทราย 200 กรัม
- โกโก้ 50 กรัม

ส่วนที่2
- แป้งข้าวโพด 40 กรัม
- นมข้นจืด 150 กรัม

ส่วนที่3
- เนยสด 150 กรัม

วิธีทำหน้านิ่ม

นำ น้ำ, น้ำตาลทราย, นมข้นจืดส่วนที่ 1 (200 กรัม), ผงโกโก้ และผงวุ้น ใส่หม้อรวมกันเลยค่ะ เอาตะกร้อมือคนให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันก่อนค่ะ

ส่วนของ แป้งข้าวโพดและนมข้นจืดส่วนที่ 2 รวมกันให้เข้ากัน

นำไปตั้งไฟอ่อนๆ แต่ก็ไม่อ่อนเสียสีเดียว มากกว่าอ่อนหน่อยค่ะ เอาตะกร้อมือคนตลอด ให้น้ำตาลทรายและผงวุ้นละลาคนไปเรื่อยๆ จนส่วนผสมเดือดนะคะ

แล้วก็เทแป้งข้าวโพดที่ละลายรวมกับนมข้นจืดลงไป ก่อนเทเขย่าๆ อีกทีคะ ตอนนี้ต้องลดไฟลงอ่อนค่ะ ใช้ตะกร้อมือคนตลอด ส่วนผสมจะข้นขึ้น ห้ามหยุดมือค่ะ

ใส่เนยสดที่หั่นชิ้นเล็กลงไปคะ ถ้าใส่รัมใส่ตอนนี้เลยคะ คนให้เนยละลาย ปิดเตาเลยคะ
จากนั้นก็คนด้วยตะกร้อมือต่อให้หน้านิ่มอุ่น ห้ามหยุดคน มันจะ set ตัวเป็นลิ่มๆ หยอดแล้วไม่สวยคะ

เมื่อเค้กเย็นแล้วนำออกจากพิมพ์ slice เป็นกี่ชั้นตามต้องการนะคะ

แบ่งหน้านิ่มตักใส่ไปค่ะ เท่าไรก็ใส่ไป แต่ดูให้มันสมดุลแล้วกันค่ะ หน้านิ่มนี่ต้องคอยคนตลอดนะ ห้ามหยุด หยุดแล้วมันจะเป็นลิ่มๆ ค่ะ

แล้วก็จับเค้กเอียงๆ ให้หน้านิ่มไหล แล้วก็กระแทกๆ ให้หมดฟองอากาศ หรือใช้ไม้จิ้มฟันจิ้มก็ได้ ทิ้งเวลาไว้ให้หน้านิ่มเซ็ทตัวนิดหน่อย เอานิ้วสัมผัสดูหน้ามันจะตึงๆ ค่ะ

พอหน้านิ่มด้านล่างตึงๆ แล้วเอาเค้กชั้นต่อมาวางลงไป แล้วก็ทำเหมือนเดิมเหมือนเมื่อกี้ คราวนี้ทิ้งเวลาไว้กว่าหน้านิ่มจะเซ็ทตัวทั้งหมด

ประวัติโดราเอมอน

โครงเรื่อง
เนื้อเรื่องส่วนมากจะเกี่ยวกับปัญหาของโนบิตะเด็กชายชั้น ป.4 ที่มักถูกเพื่อนๆ แกล้ง (แต่บ่อยครั้งก็เป็นฝ่ายหาเรื่องใส่ตัวเอง) ไม่ค่อยชอบทำการบ้าน, อ่านหนังสือ และไปโรงเรียนสายบ่อย ๆ โดยมีเพื่อนที่เป็นตัวละครสำคัญในเรื่องคือโดราเอมอน (โนบิตะทำอะไรไม่ค่อยเป็น ต้องพึ่งโดราเอม่อนแทบทุกอย่าง) หุ่นยนต์แมวจากอนาคตที่คอยดูแลช่วยเหลือโนบิตะตลอดเวลาด้วยของวิเศษจากอนาคต ไจแอนท์เด็กที่ดูเป็นอันธพาล แต่ที่จริงเป็นคนอารมณ์อ่อนไหวและรักการร้องเพลง ซูเนโอะผู้มีฐานะทางบ้านดีที่สุดในกลุ่ม มีนิสัยชอบคุยโม้ เป็นคู่หูกับไจแอนท์ที่คอยกลั่นแกล้งโนบิตะอยู่ตลอด เดคิสุงิ เป็นเด็กเรียนเก่ง นิสัยดี รักความถูกต้อง มีน้ำใจ แต่ไม่ค่อยมีบทบาทมากนัก ชิซุกะผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่มเป็นเด็กเรียนดีชอบช่วยเหลือผู้อื่น เป็นเด็กสาวที่โนบิตะหลงรัก ในอนาคตก็ได้มาเป็นเจ้าสาวของโนบิตะด้วย ไจโกะน้องสาวของใจแอนท์ไม่ค่อยมีบทบาทมากนัก ตัวละครสำคัญนอกจากนี้ก็มีโดรามี หุ่นยนต์แมวที่มีกระเป๋ามิติที่ 4 และของวิเศษ (แต่จะออกน่ารักๆ ดูเป็นแบบผู้หญิงมากกว่า) เช่นเดียวกับโดราเอมอนผู้เป็นพี่ชาย และคุณพ่อและแม่ของโนบิตะ ซึ่งแม่ดูจะมีบทบาทในเรื่องมากกว่าพ่อ
แม้ว่าโนบิตะ ไจแอนท์ ซูเนโอะ และคนอื่นจะดูเหมือนมีปัญหากันบ่อยแต่ลึกแล้วก็รักและช่วยเหลือกันดี จะเห็นได้จากตอนพิเศษต่างๆ ที่เด็กกลุ่มนี้ต้องออกไปผจญภัย (บางทีก็นอกโลก ใต้ทะเล หรือว่ายุคไดโนเสาร์)

 รายชื่อตัวละคร

ตัวละครหลักของเรื่อง
ดูตัวละครทั้งหมดที่ ตัวละครในโดราเอมอน
ในการ์ตูนเรื่องโดราเอมอน เป็นเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนในวัยเด็ก 4 คน และมีหุ่นยนต์แมวจากอนาคตเป็นตัวละครหลักดังนี้
โดราเอมอน
หุ่นยนต์แมวจากอนาคตกลับมาช่วยเหลือโนบิตะ โดยเซวาชิผู้เป็นหลานของโนบิตะเป็นผู้ส่งมา กลัวหนูมาก เพราะเคยโดนหนูแทะหูจนต้องตัดหูทิ้ง ชอบกินโดรายากิเนื่องจากตอนที่อยู่โลกอนาคตยังไม่มาหาโนบิตะโดราเอมอนได้รับโดรายากิกับแมวผู้หญิงตัวนึงซึ่งน่ารักมากโดราเอมอนจึงชอบเป็นพิเศษ จะมีอารมณ์โกรธทันทีเมื่อมีใครเรียกเขาว่า "แรคคูน" หรือ "ทานุกิ" (พากย์เสียงภาษาไทยโดย ฉันทนา ธาราจันทร์
โนบิ โนบิตะ
เด็กชายที่ไม่เอาไหน ทั้งเรื่องการเรียน กีฬา นิสัยขี้เกียจ และชอบนอนกลางวัน สอบก็ได้ 0 คะแนนทุกครั้ง แต่ก็มีความสามารถด้านยิงปืนและพันด้ายและเป็นคนมีน้ำใจ ชอบชิซุกะมานาน และมักถูกไจแอนท์กับซึเนะโอะแกล้งประจำ แต่ก็เปลี่ยนเป็นคนละคนเมื่อโดราเอมอนไม่ได้อยู่กับเขาแล้ว จะมีอารมณ์ไม่พอใจเมื่อเดคิสุงิอยู่ใกล้กับซิซุกะ เพราะคิดว่าซิซุกะแอบชอบเดคิสุงิ แต่ถึงอย่างไรตอนอนาคตก็ได้แต่งงานกับโนบิตะอยู่ดี(พากย์เสียงภาษาไทยโดย ศันสนีย์ วัฒนานุกูล
มินาโมโต้ ชิซุกะ
เด็กสาวน้ำใจดี เป็นที่รักของทุกคน ชอบการอาบน้ำเป็นอย่างมากและชอบเล่นเปียโน เป็นเด็กสาวที่โนบิตะแอบชอบ และชอบกินสปาเก็ตตี้เป็นพิเศษ อนาคตเธอก็ได้แต่งงานกับโนบิตะ(พากย์เสียงภาษาไทยโดย ศรีอาภา เรือนนาค)
โฮเนคาวะ ซึเนะโอะ
เด็กขี้อวดประจำโรงเรียน ฐานะดี และเป็นเพื่อนซี้กับไจแอนท์ ชอบพูดยกยอ และขี้ประจบ ชอบเอาของมาอวดให้พวกๆอิจฉาแต่ก็พร้อมที่จะเจออันตรายกับพวกเพื่อนๆได้ในตอนที่เป็นภาพยนตร์ มักจะวางแผนกับไจแอนท์เพื่อแกล้งโนบิตะ (พากย์เสียงภาษาไทยโดย อรุณี นันทิวาส)
ไจแอนท์ (โกดะ ทาเคชิ)
เด็กอ้วน หัวโจกประจำกลุ่ม ชอบแกล้งโนบิตะเป็นประจำ แต่ก็มีหลายครั้งที่แสดงความผูกพันกับโนบิตะ (อยากขอร้องให้ช่วย) ฝันอยากจะเป็นนักร้องแต่เสียงไม่เอาไหน แต่บางครั้งเสียงไม่เอาไหนของเขาก็ช่วยทำให้สถานการณ์ที่คับขันให้คลี่คลายได้ เพราะคงไม่มีใครคนไหนที่สามารถทนเสียงของเขาได้ และเป็นคนที่รักเพื่อนพ้องมาก(พากย์เสียงภาษาไทยโดย นิรันดร์ บุญยรัตพันธุ์)
โดเรมี
หุ่นยนต์แมวจากอนาคต เป็นน้องสาวของโดราเอมอนสวยน่ารัก แต่ประสิทธิภาพสูงกว่าโดราเอมอนทุกด้านเช่น ความรู้ วิธีใช้ของวิเศษ อาศัยอยู่ที่โลกศตวรรษที่ 22 ไม่ค่อยปรากฏตัวให้พบเห็น จะปรากฏตัวเมื่อโดราเอมอนเรียกขอความช่วยเหลือ หรือ สถานการณ์ที่โดราเอมอนไม่สามารถควบคุมได้ บางครั้งก็มาช่วยเหลือโนบิตะตอนที่โดราเอมอนไม่อยู่ (พากย์เสียงภาษาไทยโดย อรุณี นันทิวาส)
โดเรมีได้ปรากฏตัวใน โดราเอมอนฉบับภาพยนต์ รวมแล้วทั้งหมด 4 ตอน ดังนี้
  1. ตะลุยแดนปีศาจ (โนบิตะท่องแดนเวทมนตร์)
  2. ท่องแดนเทพนิยายไซอิ๋ว
  3. โนบิตะ ตะลุยแดนปีศาจ 7 ผู้วิเศษ
  4. สงครามเงือกใต้สมุทร

สร้างสวนขวดของคุณด้วยตัวคุณเอง

สร้างสวนขวดของคุณด้วยตัวคุณเอง
มันง่ายกว่าที่คุณคิด
อย่างแรกต้องแน่ใจว่าคุณมีวัสดุทั้งหมดที่ต้องการสำหรับสร้างสวนขวดของคุณ สิ่งที่สำคัญที่สุด แน่นอนภาชนะที่จะใส่ ไม่ว่าจะเป็นภาชนะพลาสติกใส หรือ แก้ว ขวด อ่างปลา โหลแก้ว หรือจะเป็นภาชนะที่สร้างมาเพื่อทำสวนขวดโดยเฉพาะ เป็นทางเลือกที่ไม่มีที่สิ้นสุดตามแต่คุณต้องการ แต่ต้องแน่ใจว่าภาชนะนั้นสะอาด ผ่านการล้างด้วยสบู่ และต้องไม่ใช้แก้วหรือพลาสติกที่แต้มสี หรือขุ่นเพราะจะรบกวนแสงที่จะส่องเข้ามาทำให้ต้นไม้ที่ปลูกมีปัญหา
ของอื่นๆที่คุณต้องการ
- ต้นไม้
- ดิน
- กรวดหรือหินในตู้ปลา
- ช้อนคันใหญ่ๆ
- ฟอร์กกี้
- สแฟกนัมมอส (อุปกรณ์เสริม)
- ของตกแต่ง รูปปั้นต่างๆ (อุปกรณ์เสริม)



คุณควรรวบรวมวัสดุมารวมกัน แล้วตัดสินใจว่าด้านไหนเป็นด้านหน้าหรือด้านหลัง ด้านหลังคือด้านที่คุณจะปลูกต้นไม้ที่ใหญ่หรือสูง ด้านหน้าจะเป็นด้านที่ปลูกต้นไม้พุ่มหนา แต่ถ้าต้องการให้สวนขวดของคุณมองได้รอบด้านให้ทำเนินเขาไว้ตรงกลาง

การเตรียมตัว
ขั้นตอนต่อไปเป็นการสร้างสวนขวดของคุณ อย่างแรกใส่กรวดหรือหินตู้ปลาลงไปรองก้นภาชนะของคุณเพื่อระบายน้ำให้มาอยู่จุดนี้ หลังจากนั้นใส่ถ่านอีก ½ นิ้ว ชั้นนี้มีไว้เพื่อดับกลิ่นที่จะเกิดขึ้น ชั้นต่อไปนำสแฟ็กนัมมอสมาปูเพื่อไม้ให้ดินไหลลงสู่ชั้นระบายน้ำ หรือคุณสามารถเลือกวัสดุอื่นที่จะนำมาใช้ได้ หลังจากนั้นใส่ดินลงไป ½ นิ้ว ใช้ดินแห้งๆ มิฉะนั้นมันจะติดกับขอบข้างภาชนะคุณอาจจะทำเนิน หรือใส่ภูเขาลูกเล็กๆลงเพื่อทำให้สวนของคุณดูน่าสนใจ วิธีการที่ง่านที่สุดในการใส่วัสดุเหล่านี้คือการใช้ช้อนคันใหญ่ๆ

การปลูกต้นไม้
หลังจากที่ใส่ดิน ของตกแต่งอย่าง หิน กิ่งไม้ เปลือกหอย หรืออะไรก็แล้วแต่ที่ไม่ทำอันตรายต่อต้นไม้ จำไว้ว่าจัดการใส่ของเหล่านี้ลงไปแล้วยังมีพื้นที่ส่วนต่างๆไว้ปลูกต้นไม้ ตักดินให้เป็นรูกลมๆไว้สำหรับต้นไม้ เมื่อคุณใส่ต้นไม้ไว้ในหลุม เช็คให้แน่ใจว่าขนาดของหลุมนั้นสามารถใส่ต้นไม้ได้เหมือนกับตอนที่ต้นไม้อยู่ในหระถาง ต้นไม้ไม่ควรอยู่ในหลุมที่ลึกเกินไปหรือตื้นเกินไป และต้องแน่ใจว่ากลบดินรอบๆต้นไม้ให้แน่นพอดี ถ้าคุณมีภาชนะก้นลึก ให้แหนบ หรือคีมปากยาวในการใส่ต้นไม้ลงไปในสวนขวดของคุณ และถ้าคุณชอบคุณสามารถใส่มอสและของตกแต่งเพิ่มเพื่อทำให้สวนของคุณสวยมากยิ่งขึ้นกรุณาอย่ารบกวนเมื่อคุณสร้างสวนขวดของคุณเรียบร้อยแล้ว จำไว้ว่ามันจะงอกงามอยู่บนความละเลยของคุณ สวนของคุณตอนนี้ไม่ต้องการน้ำมากนัก แค่ฉีดสเปร์บนใบไม้น้ำนิดหน่อยเพื่อให้ความชุ่มชื้นทั้งต้นไม้และดิน ปล่อยสวนของคุณไว้จนวันต่อมาเช็คน้ำในส่วนของก้นขวด ต้องแน่ใจว่าน้ำนั้นมีระดับสูงไม่เกิน ¼ นิ้ว ฉีดสเปร์อีกครั้งและรอจนกระทั่งใบไม้แห้ง แล้วค่อยปิดฝาภาชนะ ที่เหลือก็แค่นั่งอยู่เฉยๆ และดูต้นไม้เจริญเติบโตในสวนขวดโฮมเมดที่สวยงาม

วิธีทำแกงส้มให้อร่อยเริด

วิธีทำแกงส้มให้อร่อยเริด
นอกจากตัวน้ำพริกแกง ที่มีความสำคัญแล้ว ขั้นตอนการปรุง และสัดส่วน ระหว่างน้ำแกงกับผัก ก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ในอันที่จะทำให้แกงส้มได้อร่อย เริ่มตั้งแต่ตั้งน้ำในหม้อ ต้องให้น้ำเดือดก่อนถึงใส่พริกแกง (น้ำแกงจะได้หอม) หลังจากใส่น้ำพริกแกง ลงไปแล้วให้ใช้ไฟกลาง ให้น้ำพริกแกงเดือดสักครู่ใหญ่ ถ้ารีบใส่ผักกับเครื่องอื่น ๆ ลงไป จะได้แกงส้มที่มี รสเผ็ดแบบแผด ๆ ไม่กลมกล่อม
หลังจากเคี่ยวน้ำพริกแกงสักครู่แล้ว จึงใส่ผักลงต้มจนผักสุกนุ่ม จึงใส่เนื้อปลาหรือกุ้ง ยกเว้น กรณีแกงส้มผักกระเฉด ให้ใส่ปลาปรุงรส รอจนน้ำเดือด จึงใส่ผักกระเฉดเป็นอันดับสุดท้าย แล้วปิดเตาทันที เพราะผักกระเฉด หากถูกความร้อนนานจะเหนียว ทานไม่อร่อย
แกงส้มปลา ความใช้ปลาที่สดใหม่ ยังไม่แช่เย็น จะได้เนื้อปลาที่นุ่ม อร่อย ไม่ยุ่ย ถ้ากลัวว่าแกงแล้วจะคาว ให้นำปลาหั่นเป็นชิ้นตามต้องการ นำไปลวกครั้งหนึ่งก่อน แล้วค่อยนำไปแกง แต่ถ้าปลาไม่ค่อยสด หรือเป็นปลาแช่เย็น แนะนำให้นำไปทอดก่อน ให้พอเหลือง แล้วค่อยนำมาแกงจะดีกว่า
เคล็ดลับสุดยอด ถ้าอยากได้แกงส้มที่มีน้ำเข้มข้น ให้ผสมเนื้อปลา ลงในน้ำพริกแกงก่อนนำไปแกง มีวิธีการตามนี้นะคะ นำเนื้อปลาที่จะใช้ แบ่งออกมาเล็กน้อย นำไปต้มจนสุก จากนั้นแยกก้างออก นำไปโขลกในครกให้เนื้อปลาแตก จากนั้น ใส่น้ำพริกแกงส้ม ที่เตรียมไว้ลงไปโขลกรวม แล้วจึงนำไปแกง ตามขั้นตอนปรกติ จะได้น้ำแกง ของแกงสัมที่เข้มข้นขึ้น
แกงส้มกุ้ง ชะอมไข่

วิธีทำน้ำยาล้างจาน

วิธีทำน้ำยาล้างจาน
อุปกรณ์และวิธีการทำน้ำยาล้างจาน
1.N70หรือหัวเชื้อ   1 กิโลกรัม
2.F24หรือสารขจัดไขมัน  ครึ่งกิโลกรัม ถ้าไม่มีไม่ต้องก็ได้ครับ
3.เกลือ ประมาณ ครึ่งกิโลกรัม ถึง1กิโลกรัม หรือ บางที่เรียกว่าผงข้น
4.น้ำผลไม้รสเปรี้ยว (ที่โรงเรียนทำใช้มะกรูดต้มกับน้ำ)ประมาณ 4 ลิตร
5.น้ำสะอาด ประมาณ7 ลิตร อันนี้แล้วแต่ความข้นครับหากยังข้นก็เติมได้อีกแต่ถ้ามากไปก็ใช้ไม่ได้บางที่ใช้น้ำขี้เถ้าผสมด้วย แต่ไม่มีก้ไม่ต้องครับ
วิธีทำ
เทN70กับF24ลงในภาชนะกวนไปในทิศทางเดียวกันให้เข้ากันจนเป็นครีมขาวๆจากนั้นเติมน้ำผลไม้ลงไปกวนไปเรื่อยๆหากไม่ข้นก็ค่อยๆเติมเกลือทีละน้อยสังเกตุดูหากข้นมากก็เติมน้ำลงไปสลับกันจนน้ำหมดทิ้งใว้ 1 คืนจนฟองยุบแล้วตักใส่ภาชนะใว้ใช้ ต้นทุนประมาณ 140 บาท ครับ ส่วนปริมาณที่ได้ก็ขึ้นอยู่กับว่าใช้น้ำไปเท่าใด
N70คือสารลดแรงตึงผิวประจุลบ มีหน้าที่เป็นสารทำความสะอาดต่างๆมีชื่อเต็มๆว่าTexapon N70 มีชื่อทางเคมีว่า Sodium Laurylether Sulfate N70(โชเดียมลอริวอีเทอร์ซัลเฟตN70)มีชื่อย่อๆว่าSLES
ส่วนF24คือสารขจัดไขมันหรือLAS(linearalkylbenZene Sulfonate)
 จะใช้น้ำมะกรูดหรือมะนาวหมักก็ได้ครับใส่ 4 ลิตร
*วิธีทำน้ำมะกรูดหรือมะนาวหมัก
หั่นมะกรูดหรือมะนาว 4 กิโลกรัม เป็นสองซีก ใส่น้ำตาล 1 กิโลครึ่ง น้ำ10 ลิตร หมัก 30วัน กรองเอาแต่น้ำมาใช้
อย่าคนแรงเพราะจะทำให้มีฟองเกิดมาก

สวนดอกไม้

สวนดอกไม้
     1.  การปลูกไม้ดอก
         
การปลูกดอกไม้โดยใช้ต้นกล้าที่ได้จากการเพาะเมล็ด  การแยกหน่อหรือหัว  หรือการโน้มกิ่งลงในกระบะเพาะ  ถุงพลาสติก  หรือแปลงเพาะ  จนต้นมีใบอ่อนแตกออกมา  และมีรากงอก  ซึ่งสามารถย้ายไปปลูกในแปลง  หรือในภาชนะปลูกได้
          การย้ายต้นกล้าไปปลูกในแปลงปลูก  มีขั้นตอนดังนี้
          1.  เตรียมดินสำหรับปลูก  โดยขุดดินให้เป็นหลุมลึกพอสมควร แล้วรดน้ำให้ดินชุ่มชื้น
          2.  ใช้ช้อนปลูกขุดต้นกล้าให้ดินติดมากับราก  วางต้นกล้าลงในหลุมแล้วกดดินรอบโคนต้นให้แน่น
          3.  รดน้ำให้ชุ่มทั่วแปลง  หรือภาชนะ  แล้วนำไปวางไว้ในที่ร่มหรือทำเพิงบังแดดจนกว่าต้นกล้าที่ปลูกแข็งแรงดี

     2.  การบำรุงรักษาไม้ดอก
         
วิธีดูแลรักษาต้นกล้าให้เจริญเติบโต  ควรปฏิบัติดังนี้
          1.  การรดน้ำ  ใช้บัวรดน้ำให้ทั่ว  แต่อย่าให้ดินชื้นและแฉะเกินไป  ควรรดน้ำตอนเช้าและเย็นทุกวันอย่างสม่ำเสมอ
          2.  การพรวนดิน  ใช้ส้อมพรวนพรวนดินให้ทั่วแปลงหรือทั่วภาชนะที่ปลูก  และพรวนให้ลึกพอสมควร
          3.  การใส่ปุ๋ย  เราต้องใส่ปุ๋ยให้เหมาะกับพืชแต่ละชนิด  และควรใส่ปุ๋ยในขณะที่พืชต้องการตามระยะเวลาและอายุของพืช
          4.  การกำจัดวัชพืชและศัตรูพืช  วัชพืช  เราต้องหมั่นถอน  ขุด  หรือใช้สารเคมีกำจัด  ส่วน  ศัตรูพืช  เราต้องหมั่นคอยเก็บทิ้งหรือฉีดยาฆ่าและป้องกัน

     3.  การเก็บเกี่ยวไม้ดอก
         
การเก็บเกี่ยวไม้ดอกที่ถูกวิธีและได้คุณภาพ  ควรปฏิบัติดังนี้
          1)  เก็บเกี่ยวในตอนเช้าหรือเย็น  แล้วนำไม้ดอกไปแช่น้ำหรือพรมน้ำไว้
          2)  ใช้มีดคม ๆ หรือกรรไกรตัดกิ่งตัดดอกที่ต้องการ
          3)  เลือกเก็บเฉพาะดอกที่แก่พอสมควร  ถ้าปลูกไม้ดอกในกระถาม  เราสามารถนำกระถางไปตั้งประดับในที่ต่าง ๆ ได้  โดยไม่ต้องตัดดอกหรือกิ่งก้านค่ะ

     ตัวอย่าง  การปลูกไม้ดอก
     พุทธรักษา
     พุทธรักษา  เป็นไม้ดอกที่สวยงามมีหลายสี  เช่น  แดง  ขาว  ชมพู  เหลือง  เราสามารถขยายพันธุ์พุทธรักษาได้  โดยการเพาะเมล็ด  หรือการแยกหน่อ
     1.  การปลูกต้นกล้า  ทำได้โดยการเตรียมดินสำหรับปลูกใส่ในภาชนะหรือในแปลงปลูกแล้วรดน้ำให้ชื้น  จากนั้นขุดหลุมในแปลงปลูกให้กว้างและลึกพอสมควร  โดยขุดให้แต่ละหลุมห่างกันประมาณ 1 เมตร  จากนั้นขุดต้นกล้าจากแปลงเพาะไปปลูกลงในหลุม  หรือในกระถางที่เตรียมเอาไว้แล้วกดดินที่โคนต้นให้แน่นและรดน้ำให้ชื้น
     2.  การบำรุงรักษา  ปฏิบัติได้ดังนี้
          1)  รดน้ำในตอนเช้าและเย็น
          2)  หมั่นพรวนดินให้ร่วนซุย
          3)  ใส่ปุ๋ย
          4)  กำจัดวัชพืชและศัตรูพืช
     3.  การเก็บเกี่ยว  ใช้มีดหรือกรรไกรตัดที่ก้านดอกในตอนเช้าหรือตอนเย็น  แล้วนำดอกไปแช่ในน้ำเพื่อให้ดอกพุทธรักษาสด  ไม่เหี่ยวเฉา

มาลัยกลม/กลมลายเกลียว

มาลัยกลม/กลมลายเกลียว
มาลัยกลม หมายถึง มาลัยที่ร้อยให้มีลักษณะรูปทรงตามขวางเป็นวงกลมและรูปทรงตามยาวตรงและขนาน กันไปตลอดเข็ม นิยมร้อยตั้งแต่ขนาด 6 กลีบขึ้นไปจนถึง 12 กลีบ หรือมากกว่านี้ก็ได้ย่อมแล้วแต่ชนิดของดอกไม้ ถ้าดอกเล็กหรือกลีบเล็กก็ใช้จำนวนกลีบมาก แต่ถ้าดอกไม้ดอกใหญ่หรือกลีบใหญ่ก็ใช้จำนวนกลีบน้อย


มาลัยกลมแบ่งออกเป็น 2 แบบใหญ่ๆ คือ
1. มาลัยกลมแบบไม่มีลาย หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า “ มาลัยเกลี้ยง” หรือ “ ตอน” หมายถึง มาลัยกลมที่ร้อยด้วยกลีบดอกไม้ หรือ ดอกไม้ หรือใบไม้ล้วนๆ ไม่มีลวดลายใดๆ และเป็นสีเดียวกันตลอด
เช่น มาลัยกลมกลีบกุหลาบ มาลัยกลมดอกพุด มาลัยกลมดอกมะลิ มาลัยกลมกลีบดอกรัก มาลัยกลมดอกบานไม่รู้โรย ฯลฯ

2. มาลัยกลมแบบมีลาย หรือ บางคนเรียกว่า “ มาลัยกลมยกดอก” หมายถึง มาลัยกลมที่ร้อยใส่ลวดลายต่างๆ
ลงไป ลายที่นิยมร้อยใส่มาลัยกลมได้แก่ ลายประเภทลายเกลียว ลายคดกริช ลายตาประชุม และลายประกอบ มาลัยแบบนี้จะนิยมร้อยด้วยดอกพุดหรือกลีบกุหลาบ เป็นพื้นและลวดลายที่ร้อยใส่ลงไปนั้นมักจะใช้ดอกไม้ กลีบดอกไม้ หรือใบไม้ที่มีสีสดๆ หรือสีที่ตัดกัน เพื่อให้เห็นลวดลายชัดเจนสวยงาม


วิธีการร้อยมาลัยกลม มีหลักที่สำคัญดังนี้

1. คัดเลือกดอกหรือกลีบดอกให้ขนาดเท่าๆ กัน

2. การส่งกลีบหรือก้านดอก จะต้องให้ยาวเท่าๆ กันทุกกลีบ หรือทุกดอกทั้งในแนวเดียวกันและระหว่างแถวด้วย เพื่อให้มาลัยที่ร้อยเสร็จแล้วนั้นมีสัดส่วนและรูปทรงที่สวยงาม ดังนั้นในการร้อยดอกไม้แต่ละดอกหรือแต่ละกลีบ ควรจะต้องวัดก้านก่อนแทงใส่เข็ม

3. ร้อยแถวแรกหรือชั้นแรกให้เป็นวงกลมจัดระยะห่างแต่ละกลีบให้เท่ากัน โดยเริ่มร้อยกลีบแรกเรียงจากซ้ายวนไปทางขวา ( ตามเข็มนาฬิกา) จนครบจำนวนกลีบตามต้องการ

4. ร้อยแถวที่ 2 โดยวางกลีบให้สับหว่างกับกลีบในแถวแรกทุกกลีบ จนครบจำนวนกลีบเท่ากับแถวที่ 1
และแถวต่อๆ ไปก็ทำเช่นเดียวกัน ข้อควรระวัง คือทุกๆ แถวจะต้องมีจำนวนกลีบเท่ากัน
และสับหว่างกันทุกแถวด้วย ถ้าแถวใดจำนวนกลีบลดน้อยลงหรือเพิ่มขึ้นแสดงว่าจะต้องร้อยสับหว่างผิด

5. มาลัยกลมแบบไม่มีลายร้อยเรียงวนโดยรอบเข็มควรจัดระยะห่างแต่ละกลีบให้เท่า กัน เมื่อร้อยครบจำนวนกลีบในแถวที่ 1 ตามต้องการแล้วก็เริ่มร้อยแถวที่ 2 โดยกลีบแรกของแถวที่ 2 นี้จะต้องอยู่ระหว่างกลีบสุดท้ายและกลีบที่ 1 ของแถวที่ 1 และกลีบต่อๆ ไปก็ร้อยให้สับหว่างเช่นกันทุกแถวและจำนวนกลีบของแต่ละแถวก็ต้องเท่ากันด้วย

6. มาลัยกลมแบบมีลาย ถ้าลายด้านเดียวจะขึ้นต้นจำนวนกี่กลีบก็ได้ แต่ถ้าเป็นมาลัยกลมแบบมีลายสองด้านจะต้องขึ้นจำนวนกลีบคู่เสมอ นิยมขึ้น 8 หรือ 10 กลีบ หรือมากกว่านั้น
( ถ้าเป็นมาลัยที่มีขนาดใหญ่) วิธีการร้อยก็เรียงวนโดยรอบเข็มเช่นกัน พอถึงลวดลายก็ร้อยกลีบที่มีสีต่างไปจากสีกลีบที่ร้อยเป็นพื้นอยู่เดิมแล้ว นั่นเอง จะร้อยลายอะไรนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการหรือเห็นว่าสวยงามเหมาะสมเป็นสำคัญ

วิธีร้อยมาลัยกลมลายเกลียวคู่

แถวที่ 1 ใบ 2 กุหลาบ 2 ใบ 2 กุหลาบ 2 โดยรอบร้อยเว้นระยะห่างแต่ละกลีบให้เท่าๆ กัน

แถวที่ 2 ใบ 2 ( ใบแรกอยู่ระหว่างใบที่ 1 กับ 2 ของแถวที่ 1 ) กุหลาบ 2 ใบ 2 กุหลาบ 2

แถวที่ 3 – 14 ร้อยเช่นเดียวกับแถวที่ 2 โดยแต่ละแถวให้กลีบสับหว่างกันทุกแถวเสมอ

หมายเหตุ กลีบที่ 3 -4 ของแต่ละแถว คือลายเกลียวที่ 1 และกลีบที่ 7- 8 ของแต่ละแถว คือลายเกลียวที่ 2 เมื่อร้อยเสร็จแล้วจะเห็นว่าเกลียวทั้งสองนี้จะเคลื่อนขนานเวียนขึ้นไปรอบ เข็ม

ถ้าร้อยกลีบแรกของแถวที่ 2 อยู่ระหว่างกลีบสุดท้ายกับกลีบที่ 1 ของแถวแรก แถวอื่นๆ ก็เช่นกันจะได้ลายเกลียวที่หมุนเคลื่อนที่ด้านตรงข้ามคือลายจะเคลื่อนจาก ด้านขวามือออกไปด้านนอกตัว แล้วเวียนกลับเข้ามาทางด้านซ้ายมือ

หน้าที่ใช้สอยของมาลัยกลม/กลมลายเกลียว

* ใช้ทำเป็นมาลัยคล้องคอ
* ใช้ทำเป็นมาลัยมือ หรือมาลัยคล้องแขน
* ใช้ทำเป็นมาลัยแขวนหน้ารถ แขวนหัวเรือ
* ใช้เป็นส่วนประกอบตกแต่งงานประดิษฐ์ดอกไม้สดของไทยบางอย่าง

แผนผังมาลัยกลมลายเกลียวคู่


- รูปหัวใจสีเขียวแทนใบแก้ว
- รูปสีแดงๆส้มๆแทนกลีบกุหลาบ

1.มาลัยกลมแบบไม่มีลาย

กระปุกออมสิน จากไม้ไผ่

กระปุกออมสิน จากไม้ไผ่

ในส่วนของการทำ กระปุกออมสินจากไม่ไผ่ นั้น จริงๆ แล้วเป็นผลพลอยได้จากการตัด ไม้ไผ่ ซึ่งเกิดจากการตัด ไม้ไผ่ นำมาใช้ประโยชน์อื่นๆ

ไม้ไผ่ เป็นพืชที่พบได้ในพื้นที่ทั่วๆ ไป และนับว่าเป็นพืชที่มนุษย์รู้จักนำมาใช้ประโยชน์ได้หลากหลายรูปแบบ

ไม่ว่าจะเป็นอาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องประดับ เครื่องใช้ต่างๆ โดยในจังหวัดแม่ฮ่องสอนนี้ เป็นอีกจังหวัดหนึ่งที่มีต้นไผ่ขึ้นกระจายอยู่ทั่วไป และมีเป็นจำนวนมาก ประชาชนในพื้นที่จึงนำ ไม้ไผ่ มาใช้ประโยชน์ในลักษณะต่างๆ รวมถึงทำเป็นของฝากและ ของที่ระลึก ต่างๆ มากมาย
smile-handmade
เมื่อเทียบกับสังคมเมืองที่มีแต่การใช้โลหะ พลาสติก และวัสดุต่างๆ ที่มีการคิดค้นขึ้นมาแล้ว ในกลุ่มประชาชนในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนกลับตรงกันข้าม นั่นคือพยายามนำสิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบตัวมาประยุกต์ใช้ประโยชน์ ในส่วนของ กระปุกออมสิน นั้นในเมืองก็นิยมทำมาจากโลหะ หรือปูนปาสเตอร์ แต่ในสังคมที่อยู่กับธรรมชาติแล้ว สามารถที่จะประยุกต์หรือสรรหามาได้หลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะทำมาจากดิน กะลามะพร้าว หรือ กระบอกไม้ไผ่

ในส่วนของการทำ กระปุกออมสินจากไม่ไผ่ นั้น จริงๆ แล้วเป็นผลพลอยได้จากการตัด ไม้ไผ่ ซึ่งเกิดจากการตัด ไม้ไผ่ นำมาใช้ประโยชน์อื่นๆ เช่น ตัดมาทำบ้านเรือน เครื่องจักสาน หรือ เครื่องประดับ ซึ่งแน่นอนว่าอาจจะมีไม้ไผ่บางส่วนที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์เหลืออยู่บ้าง ซึ่งก็เพียงแค่การหาไม้ไผ่ที่มีขนาดพอเหมาะ ตามความต้องการของแต่ละคน อาจจะขนาดเล็กบ้าง ขนาดใหญ่บ้างตามชอบ เมื่อได้มาก็ตัดหัวตัดท้ายให้เหลือเพียงแค่ปล้องเดียว แล้วก็เจาะรูที่ด้านใดด้านหนึ่งเพื่อให้สามารถใส่เหรียญหรือใส่แบงค์ลงไปได้
ปัจจุบันนี้เมื่อเดินทางไปในส่วนต่างๆ ในจังหวัดแม่ฮ่องสอนอาจจะได้พบกับ ภูมิปัญญา ท้องถิ่นนี้ขายโดยทั่วไป อาจจะมีการตกแต่งบ้าง หรืออาจจะคงสภาพแบบเดิมๆ ที่ไม่ได้ตกแต่งเลย ราคาก็ 10 - 30 บาท ตามแต่ละขนาด จากสิ่งที่หลายๆ คนมองว่าไม่มีค่าก็อาจจะมีค่าขึ้นมาได้
สิ่งของที่อยู่รอบตัวเรา หากเรามองว่าไม่มีค่า สิ่งนั้นก็จะไม่มีค่าอยู่เช่นนั้นตลอดไป แต่หากเรามองให้มีค่า สิ่งนั้นก็จะมีค่าขึ้นมาทันที แม้ขยะยังมีค่าสำหรับคนหลายๆ คน แม้มูลหรือสิ่งปฏิกูลต่างๆ ก็ยังมีค่า เพราะฉะนั้นลองมองรอบๆ ตัวดู ว่าอะไรบ้างที่เรามองว่าไม่มีค่าแล้วอยู่กับเรา สิ่งนั้นอาจจะมีค่าสำหรับผู้อื่นก็ได้ จงใช้ หรือจงให้ เพื่อสิ่งเหล่านั้นจะได้ไม่ไร้ค่าอีกต่อไป
นอกจากนี้ทุกสิ่งล้วนมีคุณค่า

เติมแต่งขนตาด้วยมาสคาร่า

เติมแต่งขนตาด้วยมาสคาร่า
  • เริ่มต้นด้วยการดัดขนตาก่อน โดยดัดเป็น 3
 จังหวะหรือ โคนขนตา กึ่งกลางขนตา และสุดท้าย
ให้ดัดที่ปลายขนตา
  • การปัดขนตาบน ให้มองต่ำและใช้มาสคาค่า
ปัดจากโคนขนตาออกมา ให้ปัดซ้ำอีกครั้ง หากต้อง
การให้ขนตาดูงอนหนามากขึ้น
  • การปัดขนตาล่าง ให้เหลือบตาขึ้นข้างบนและ
ใช้ปลายมาสคาร่าปัดเบาๆ
 
 

การแต่งหน้าสไตล์แอ็บแบ๊ว

การแต่งหน้าสไตล์แอ็บแบ๊ว
  • ก่อนแต่งหน้าทามอยซ์เจอไรเซอร์เพิ่มความชุ่มชื้นให้
ใบหน้าทุกครั้ง แต่ต้องรอสัก 10 นาทีให้ครีมบำรุงซึมซาบเข้า
สู่ผิวก่อนจะเริ่มแต่งหน้า
  • ทาแป้งฝุ่นอัดแข็งเนื้อบางเบาหรือ loose powder โดยเลือก
เนื้อแป้งที่สีกลมกลืนกับผิว อย่าพยายามใช้โทนสีขาวที่อ่อนกว่าผิว
จริงของตัวเองมาก เพราะจะทำให้หน้าวอกดูเฟค
  • ปัดแก้มด้วยบลัชออนสีชมพูหรือสีพีช โดยเน้นปัดที่โหนกแก้ม
 ไล้จากขอบหน้ามาถึงประมาณกลางลูกตาดำ แล้วปัดวนเป็น
วงกลมๆ จะช่วยให้ใบหน้าดูมีเลือดฝาก สุขภาพดี มีเสน่ห์ น่าหอม
  • ทาอายชาโดว์สีน้ำตาลอ่อนเมทาลิค หรือสีเบจเป็นสีพื้น
ให้ทั่วเปลือกตา
  • เขียนขอบตาให้คมชัด โดยใช้ดินสอเขียนขอบตาสีน้ำตาล
หรือดำ วาดจากหัวตาไปจนถึงหางตา แล้วตวัดปลายชี้ขึ้นเล็กน้อย 
  • ดัดขนตา ซึ่งต้องดัดตั้งแต่โคนขนตาขึ้นไปกลางขนตา
และก็ดัดที่ปลายขนตารวม 3 steps แล้วปัดมาสคาร่าชนิดเพิ่ม
ความหนาและความยาว 
  • ทาริมฝีปากด้วยลิปบาล์มเพิ่มความชุ่มชื้น แล้วทับด้วย
ลิปกลอส หรือลิปเจลสีชมพูอ่อนๆ

การแต่งหน้าสำหรับวัยรุ่น

การแต่งหน้าสำหรับวัยรุ่น
  • เริ่มต้นด้วยการใช้แป้งแข็งผสมรองพื้นให้ทั่วใบหน้า
ควรเลือกสีที่เข้ากับสีผิวเพื่อความเป็นธรรมชาติ
  • ปัดขนคิ้วให้เข้ารูป
  • ใช้ดินสอเขียนขอบตาวาดเส้นตามแนวขอบตาแล้ว
เกลี่ยเบาๆ แนะนำให้ใช้สีน้ำเงินหรือสีน้ำตาล
  • ปัดมาสคาร่าสีน้ำตาลเพียงครั้งเดียว
  • ปัดแก้มบางๆ ด้วยที่ทาแก้มเฉดสีชมพู หรือสีพีช
  • ทาปากด้วยเชียร์ กลอสส์ หรือลิปสติกสีธรรมชาติ
การแต่งหน้าสำหรับผู้สวมแว่นตา
  • แต่งหน้าให้ทั่วใบหน้าโดยไม่เว้นแม้แต่แก้มหรืิอริมฝีปาก
  • ตรวจดูสีของกรอบแว่นด้วยว่าเป็นโทนสีร้อนหรือสีเย็น
เพื่อแต่งหน้าให้กลมกลืนไปกับขอบแว่น
  • คิ้วควรจะอยู่ในระดับเดียวกันกับกรอบแว่น หรือสูงกว่าเล็กน้อย
  • สีของที่ทาตาสามารถเลือกเฉดสีเข้มขึ้นเล็กน้อยได้
เพราะกระจกแว่นจะลดความเข้มของสีลง
  • สร้างความสมดุลระหว่างความเข้มของสีที่ทาตา
 เพื่อให้ดูกลมกลืนไปกันได้กับแว่นตา
  • ใช้ดินสอเขียนขอบตาพอประมาณ ควรจะใช้ชนิดสี
มากกว่าสีดำหรือน้ำตาล
  • อย่าลืมปัดมาสคาร่าเป็นอันขาด
  • หากใส่แว่นกรอบใหญ่ ควรปัดแก้มบริเวณโหนกแก้มด้วย
 เพื่อที่จะได้มองเห็นผ่านเลนส์แว่นตา
  • หากกรอบแว่นสีเข้ม ควรจะทำให้เครื่องสำอางบนใบหน้า
กลมกลืนกันด้วยการใช้ลิปสติกสีเข้ม
 
การแต่งหน้าสำหรับวัยผู้ใหญ่
  • ใช้ครีมรอบพื้นชนิดเหลวสำหรับการรอบพื้นแบบบาง และครีมรอมพื้น
ชนิดอัดแข็งสำหรับการรองพื้นแบบหนาเพื่อเพิ่มความชุ่นชื้น
  • ปกปิดรอบคล้ำใต้ดวงตาด้วยครีมรองพื้นรอบดวงตาและปกปิดริ้ว
รอยชนิดแท่ง
  • เนื่องจากสีผิวจะเปลี่ยนไปตาวัย ดังนั้น จึงจำเป็นต้องตรวจดูสี
ของครีมรองพื้นด้วย โดยควรตรวจดูทุก 3-4 ปี เพื่อให้เข้ากับผิว
  • ตบท้ายด้วยการปัดแป้งฝุ่น หากทาแป้งหนาเกินไป ริ้วรอยต่างๆ
จะถูกเน้นให้เด่นชัดขึ้น
  • ตกแต่งรูปคิ้ว หากจะใช้ดินสอเขียนคิ้ว ควรหลีกเลี่ยงสีดำ
เพราะจะดูเข้มเกินไป
  • ให้ที่ทาตาสีอ่อนที่ดวงตาตั้งแต่ขอบตาจนจรดคิ้ว
  • เกลี่ยด้วยที่ทาตาสีกลางบริเวณรอยพับของเปลือกตา
แล้วเกลี่ยไปจนถึงโหนกคิ้ว ไม่ควรใช้ที่ทาตาสีมุก เพราะสีมุกจะเน้น
รอยย่นของผิวที่แห้งและรอยย่นตามวัยให้เด่นชัดขึ้น
  • แนะนำให้ใช้ที่ทาตาสีม่วง เทา หรือสีเขียว เกลี่ยบริเวณขอบตา
 ไม่ควรทาสีใดๆ บริเวณขอบตาด้านล่าง เพราะจะทำให้ดวงตาดำคล้ำ
 ดูเหมือนอิดโรยและอดนอนมากขึ้น
  • ใช้ดินสอเขียนขอบตาวาดตามแนวขอบตาและเกลี่ยเบาๆ
โดยหลีกเลี่ยงสีเข้ม แนะนำให้ใช้สีม่วง น้ำเงิน หรือน้ำตาล
  • ปัดมาสคาร่า 2 ครั้ง เลือกสีน้ำตามเข้มหรือสีฟ้า เพราะสีดำ
จะเข้มเกินไป
  • เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหน้าก็จะหย่อนยานตามวัย
การปัดที่ทาแก้มแบบแป้งฝุ่นด้วยวิธีที่ถูกต้อง จะช่วยพรางความ
หย่อนยานโดยช่วยยกพวงแก้มขึ้นได้
  • ปัดแก้มจากพวงแก้มจนถึงแนวเส้นผม โดยเน้นเฉพาะ
บริเวณกลางพวงแก้ม
  • เฉดสีที่ทาแก้มที่ควรใช้คือ สีชมพูอ่อนและสีพีช
  • เพื่อป้องกันไม่ให้ลิปสติกซึมเลอะขอบปาก ให้ทาครีมรอง
พื้นที่ริมฝีปากแล้วปัดทับด้วยแป้งฝุ่น
  • ใช้ดินสอเขียนขอบปากเพื่อเน้นริมฝีปาก แนะนำให้เลือกสี
ที่ใกล้เคียงกับสีลิปสติกที่คุณใช้อยู่
  • สำหรับลิปสติก แนะนำเฉดสีชมพูและแดงในเฉดสีกลางไปจนถึงสีสด